รอบรู้เรื่องศัลยกรรม

ศัลยกรรมใบหน้า 

          การมีหน้าตาดี สวยงาม มาแต่กำเนิดเป็นสิ่งที่ปรารถนาของทุกๆ คน แต่… คนเราเกิดมาไม่สามารถกำหนดหรือคัดเลือกหน้าตาให้ตัวเองได้เลย ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น พันธุกรรม การได้รับยาหรือสารเคมีระหว่างอยู่ในครรภ์ สุขภาพกายและใจของมารดา เป็นต้น ทำให้เกิดมาแล้วหน้าตาไม่สวยงาม หรือมีความผิดปกติบนใบหน้า
          การทำศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า สามารถช่วยแก้ไข รูปหน้า และสัดส่วน (Proportions) ให้เข้าสู่สมดุล (Balance) พร้อมกับตกแต่งเพิ่มมิติของ หน้าผาก จมูก โหนกแก้ม กราม คาง ให้สวยงามมีเสน่ห์น่ามองมากยิ่งขึ้น
          การพิจารณาสัดส่วนของใบหน้า (Facial Proportions) โดยแบ่งใบหน้าจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กันตั้งแต่ไรผมถึงปลายคาง และแบ่งใบหน้าจากขอบใบหน้าด้านซ้ายถึงขอบใบหน้าด้านขวา ออกเป็น 5 ส่วนเท่าๆกัน

การแบ่งใบหน้าจากไรผมถึงปลายคาง ออกเป็น 3 ส่วน เท่าๆกันดังนี้
1. ส่วนบน ( Upper Part ) เริ่มตั้งแต่แนวเส้นระดับไรผมถึงแนวเส้นหว่างคิ้ว
2. ส่วนกลาง( Middle part ) เริ่มตั้งแต่แนวเสันระดับหว่างคิ้วถึงแนวเส้นปลายจมูก
3. ส่วนล่าง (Lower Part) เริ่มตั้งแต่แนวเส้นปลายจมูกถึงแนวเส้นปลายคาง

========================================================

เสริมโหนกแก้ม (Cheekbone Surgery)

          ในปัจจุบันมีวัสดุในการเสริมโหนกแก้มหลากหลายชนิด และมีให้เลือกหลายรูปทรงด้วยกัน วัสดุที่ใช้ในการเสริมโหนกแก้ม ที่นิยมใช้ในทางการแพทย์มาอย่างยาวนาน มีความปลอดภัยสูง ได้แก่
1. Silicone
2. Gore-tex (e-PTFE)
3. Medpore
4. Alloderm
แพทย์บางคนก็จะนิยมใช้การฉีดฟิลเลอร์ หรือการฉีดไขมันเข้าไปบริเวณโหนกแก้มแทนการเริมด้วยวัสดุ

          การผ่าตัดเสริมโหนกแก้ม เป็นการปรับระดับของโหนกแก้มสำหรับผู้ที่มีโหนกแก้มต่ำและแคบให้สูงและกว้างขึ้น ทำให้ใบส่วนกลาง มีความสมดุล และให้ความรู้สึกที่อ่อนหวาน แพทย์จะทำการเปิดแผลในปากบริเวณเหนือริมฝีปาก หรือเปิดแผลใต้ขนตาล่าง และวางซิลิโคนที่ตัดแต่งแล้ว บนโหนกแก้มเดิม จากนั้นเย็บปิดแผลโดยไหมด้วยการใช้ไหมละลายไม่ต้องตัด การผ่าตัดใช้ระยะเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ภายใต้การดมยาสลบหรือฉีดยาชา

========================================================

การเสริมจมูก ( Augmentation Rhinoplasty, Implantation )

          การที่ใบหน้าของคนเราจะดูสวยงามนั้นจะต้องประกอบไปด้วยหน้าผาก จมูก คางที่ได้สัดส่วน จมูกก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าส่วนอื่นเช่นกัน เพราะคนเรามีจมูกที่สวยเข้ารูปรับกับใบหน้า ย่อมจะสะท้อนถึงบุคลิกภาพอันสง่างามและสร้างความมั่นใจให้กับคุณได้เป็นอย่างดี ชาวเอเชียเราเป็นคนที่มีสันจมูกกว้างและแบนรวมไปถึงรูจมูกที่ใหญ่และไม่ได้สัดส่วน ไม่เข้ากับรูปหน้าที่เรียวเล็ก ยากแก่การแต่งหน้าให้สวยงาม ดังนั้นการเสริมจมูกและการตัดปีกจมูกจึงเป็นวิธีที่จะช่วยทำให้สันจมูกโด่งขึ้น และมีรูปทรงที่สวยงามมากขึ้น ในปัจจุบันมีวิธีการเสริมจมูกที่ปลอดภัย และเป็นที่ยอมรับในระดับสากลของวงการศัลยกรรม ได้แก่การเสริม Silicone ซึ่งซิลิโคนจะมีความคงตัวไม่เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา สามารถถอดออกได้ทั้งหมดและไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก

  1. ซิลิโคนอ่อน (Silicone)
  2. เนื้อเยื่อที่มาจากร่างกายของผู้เสริม ได้แก่ กระดูกอ่อน (Cartilage), กระดูกซี่โครง (Bone), เนื้อเยื่อ (Soft tissue)
  3. Gore-Tex (e-PTFE)

**ใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดเสริมจมู ประมาณ 45 นาที - 1 ชั่วโมง**

การดูแลหลังการผ่าตัดเสริมจมูก

  1. นอนศีรษะสูงช่วง 2 วันแรก เพื่อลดการบวม 
  2. ไม่ควรนอนตะแคง 1 สัปดาห์
  3. งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และรับประทานอาหารรสเค็มจัด,เผ็ดจัด และของหมักดอง ประมาณ 1 สัปดาห์
  4. หลังผ่าตัด 24 ชั่วโมง ล้างหน้าเบา ๆ ด้วยสบู่อ่อน
  5. ทำความสะอาดแผลผ่าตัดบริเวณ ปลายจมูกด้านขวาด้วย ไม้พันสำลีจุ่มน้ำต้มสุก 
  6. หลังผ่าตัด 3 วัน ดึงปลาสเตอร์ออก
  7. เสริมจมูกไม่ต้องตัดไหม เพราะเป็นไหมละลาย แต่ถ้าเป็นการตัดปีกจมูก แพทย์จะ นัดตัดไหมหลังการผ่าตัด 5 วัน  8.แพทย์จะนัดตรวจแผล 1 เดือน หลังการผ่าตัด โดยทั่วไปจมูกจะยุบบวมและเข้าที่ใช้ประมาณ1 เดือน 
การปรับแต่ง แก้ไข จมูก (Revision Rhinoplasty)
          การปรับแต่งแก้ไขจมูกจากชายเป็นหญิงมีการผ่าตัดและปรับเปลี่ยนหลายรูปแบบด้วยกัน โดยแพทย์จะพิจารณาลักษณะเดิมของจมูกเป็นหลัก โดยทั่วไปจะมีการปรับเปลี่ยนแก้ไขดังนี้

1. การผ่าตัดลดความสูงของจมูก
         เป็นการผ่าตัดภายใต้การดมยาสลบ เพื่อตัดกระดูกจมูก ลดความสูงของจมูก ที่ใหญ่และสูงเกินไป มีรูปทรงไม่โค้งสวย ให้มีรูปทรง และความสูงที่พอเหมาะกับใบหน้า แผลผ่าตัดจะอยู่ในรูจมูกทั้งสองข้าง ทำให้มองไม่เห็นแผล ใช้ระยะเวลาในการผ่าตัด ประมาณ 2-3 ชั่วโมง นอนในโรงพยาบาล 1 คืน และพักฟื้น 1 อาทิตย์
2. การผ่าตัดลดรอยนูนสูง
         บางท่านจะมีกระดูกนูนตรงบริเวณกลางจมูก มองดูไม่สวยงาม เราสามารถผ่าตัดเอากระดูกที่นูน ออกไป โดยแผลจะอยู่ในรูจมูก ถ้า Hump ไม่สูงมาก ก็สามารถผ่าตัดโดยการใช้ยาชาได้ แต่ถ้า Hump สูงและหนามากอาจต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ และต้องดมยาสลบ ระยะเวลาในการผ่าตัด ประมาณ 1-2 ชั่วโมง สามารถกลับบ้านได้เลย พักฟื้นเพียง 1 อาทิตย์ 
3. การลดความยาวของจมูก
         เป็นการผ่าตัดที่ลดความยาวที่ส่วนปลายของจมูกที่เป็นกระดูกอ่อน แล้วตัดแต่งให้ได้ความยาวที่เหมาะสม โดยการฉีดยาชา เปิดแผลในรูจมูก ทำให้มองไม่เห็นแผลเป็น หลังผ่าตัดกลับบ้านได้ทันที ระยะเวลาในการผ่าตัด ประมาณ 1 ชั่วโมง สามารถกลับบ้านได้เลย พักฟื้นเพียง 1 อาทิตย์ 
4. การแก้ไขปลายจมูก
         เป็นการผ่าตัดแก้ไขปลายจมูกที่ใหญ่ กว้าง แบน ให้ดูเล็กเรียว สวยงามอ่อนหวานขึ้น แพทย์จะทำการผ่าตัด ตัดแต่ง เย็บกระดูกอ่อนตรงปลาย ให้ดูแคบลงและสูงขึ้น สามารถทำได้ด้วยการฉีดยาชา ระยะเวลาในการผ่าตัด ประมาณ 1 ชั่วโมง สามารถกลับบ้านได้เลย พักฟื้นเพียง 1 อาทิตย์ 
5. การตัดปีกจมูก
         เป็นการแก้ไข ตกแต่งจมูกสำหรับผู้ที่มีปีกจมูกกว้าง กว่าปกติ สามรถทำได้ด้วยการฉีดยาชา เฉพาะที่ ระยะเวลาในการผ่าตัด ประมาณ 30 นาที สามารถกลับบ้านได้เลย พักฟื้นเพียง 1 อาทิตย์   

คำแนะนำ ผ่าตัดตกแต่งจมูก

  1. นอนศีรษะสูง 2-3 วันเพื่อลดการบวม
  2. ประคบน้ำแข็ง 24 ชั่วโมง ของวันแรกในการผ่าตัด
  3. รักษาแผลให้แห้ง
  4. ทำความสะอาดแผลที่ผ่าตัดทุกวันด้วยน้ำเกลือ 0.9 % NSS เพื่อเช็ดคราบเลือดและ สิ่งสกปรกออก
  5. ตัดไหมออกภายใน 5 วัน
ตัดปีกจมูก ( Alaplasty )
          การตัดปีกจมูก ใช้กับผู้ที่มีปีกจมูกใหญ่ กว้างกว่าปกติ สามารถผ่าตัดโดยใช้การฉีดยาชา เฉพาะที่ ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีวิธีการตัดปีกจมูก มีการทำได้ด้วยการตัดที่ขอบล่างของปีกจมูก หรือการตัดที่ขอบบนของปีกจมูก ขึ้นอยู่กับลักษณะของปีกจมูก 
การดูแลหลังการผ่าตัด

  1. นอนศีรษะสูงช่วง 2 วันแรก เพื่อลดการบวม
  2. ไม่ควรนอนตะแคง 1 สัปดาห์
  3. งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และรับประทานอาหารรสเค็มจัด,เผ็ดจัด และของหมักดอง ประมาณ 1 สัปดาห์
  4. หลังผ่าตัด 24 ชั่วโมง ล้างหน้าเบา ๆ ด้วยสบู่อ่อน
  5. ต้องทำความสะอาดแผลให้สะอาดด้วยน้ำเกลือล้างแผล เพื่อขจัดคราบเลือดและลดการติดเชื้อ ตัดไหมภายใน 7 วัน
========================================================

ศัลยกรรมตา

ศัลยกรรมตาบน / ตาสองชั้น /หัวตา /หางตา/(Upper Eyelid Surgery)
         ดวงตาเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญบนใบหน้า การมีดวงตาที่ดูสดใสจึงเป็นเสน่ห์อีกอย่างบนใบหน้า ดังนั้นการที่มีตาสองชั้น จึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้ใบหน้าดูสดใสและอ่อนกว่าวัย โดยทั่วไปแล้ว คนเอเชียมักมีตาชั้นเดียว หรืออาจมีตาสองชั้นอยู่แล้ว แต่มีขนาดเล็ก หรือมีไขมันที่เปลือกตาทำให้ชั้นตาดูไม่ชัดเจน จึงทำให้ความสดใสของดวงตาดูลดน้อยลง การทำศัลยกรรมตาสองชั้น จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเสริมสร้างบุคลิกภาพให้ดีขึ้น

ขั้นตอนการผ่าตัดทำตาสองชั้น 

  1. แพทย์จะกำหนดตำแหน่งที่จะเป็นแนวชั้นของตาที่เหมาะสมและดูสวยงาม
  2. คนไข้จะรับประทานยานอนหลับอย่างอ่อน เพื่อให้คนไข้รู้สึกผ่อนคลาย ขณะทำการ ผ่าตัด
  3. แพทย์จะเริ่มฉีดยาชาเฉพาะที่ในบริเวณที่จะทำการผ่าตัด
  4. เมื่อยาชาเริ่มออกฤทธิ์ แพทย์จะเริ่มใช้เครื่องมือในการผ่าตัดกรีดบริเวณผิวหนังที่ได้กำหนดแนวไว้ ตัดผิวหนังและไขมันส่วนเกินออก หลังจากนั้นจะทำการเย็บกำหนดชั้นตามที่ต้องการ ก่อนที่จะเย็บปิดแผลที่ผิวหนังด้านนอก

ศัลยกรรมตาล่าง / ผ่าตัดตาล่าง (Lower Eyelid Surgery, Blepharoplasty)
          ริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณใต้ตา หางตาตก หรือมีถุงไขมันใต้ตา ซึ่งทำให้ดวงตาและใบหน้าดูร่วงโรยเกินวัย ไม่สดชื่น การผ่าตัดเพื่อขจัดถุงไขมันและรอยเหี่ยวย่น พร้อมกับยกกระชับตาล่าง ทำให้ดวงตาและใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย

ขั้นตอนการผ่าตัดตาล่าง

  1. กำหนดรอยแผลผ่าตัดที่ขอบขนตาล่าง ยาวออกไปถึงหางตา
  2. ให้ยาชาบริเวณที่จะทำการผ่าตัด
  3. เปิดแผลตัดไขมันตาล่าง และตัดผิวหนังส่วนเกินออกให้พอดี ยกกระชับกล้ามเนื้อตาล่างเพื่อป้องกันตาแหก จากนั้นจึงเย็บปิดแผลชิดกับขอบขนตาล่าง

การดูแลหลังการผ่าตัด 

  1. หลังผ่าตัด 2-4 ชั่วโมงแรก ให้ประคบบริเวณที่แผลผ่าตัดด้วยความเย็น อาจใช้ผ้าเย็น หรือ Gel pack เพื่อให้หลอดเลือดหดตัว
  2. 1 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัดให้นอนศีรษะสูงเพื่อลดอาการบวม
  3. ให้ระมัดระวังเรื่องการไอ / จาม ควรหลีกเลี่ยงการไอ / จาม แบบรุนแรงเพื่อป้องกันภาวะเลือดออกหลังการผ่าตัด
  4. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มี รสเค็ม เพื่อป้องกันการบวม และหลีกเลี่ยง การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่
  5. หลังจาก 24 ชั่วโมง ให้แกะ ปลาสเตอร์ ที่ปิดไว้ออกได้ ให้ทำความสะอาดใบหน้า ด้วยผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาด
  6. หลังจากผ่าตัด 2 วัน ให้ทำความสะอาดใบหน้าด้วยน้ำสบู่อ่อนได้
  7. หลังผ่าตัด 5 วัน ตัดไหม
  8. หลังผ่าตัด 3 วัน นวดรอยแผลผ่าตัดจากหัวตาไปหางตาเบาๆ เพื่อให้แผลนิ่ม

ข้อควรระวังหลังการผ่าตัดศัลยกรรมตา

  1. การเกิดเลือดคั่ง (Heamatoma) บริเวณตาบนหรือตาล่าง
  2. อาจเกิดรอยแผลเป็นได้
========================================================

ศัลยกรรมคาง (Chin Surgery, Genioplasty)

          คางเป็นจุดที่สำคัญจุดหนึ่งของใบหน้า ศัลยกรรมคาง สามารถทำให้รูปหน้าเปลี่ยนแปลงได้มาก   คางของผู้ชายจะมีความกว้าง หนา และแบน ส่วนผู้หญิงจะมีคางแคบ มน และอ่อนหวาน ซึ่งศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัดต้องมีความเชี่ยวชาญและชำนาญในการปรับรูปร่างของคาง ด้วยการเสริมคาง ตัดคาง หรือเลื่อนคาง จะเป็นการช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน และสมดุล

เสริมคาง (Chin Augmentation)
          วัสดุที่ใช้ในการเสริมคาง ที่นิยมใช้ในทางการแพทย์มาอย่างยาวนาน มีความปลอดภัยสูง ได้แก่

นอกจากนี้ยังมี Fat Transfer โดยดูดไขมันจากส่วนอื่น แล้วปั่นแยกเอาเฉพาะไขมันที่สะอาดนำไปฉีดเพิ่มขนาดและปรับรูปร่างของคางได้อีกด้วย

ตำแหน่งของแผลผ่าตัดเสริมคาง มี 2 แบบคือ

วิธีการเสริมคาง
          การเสริมด้วย ซิลิโคนแท่ง, Gortex, และ Medpore เป็นวิธีที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมน้อยหรือปานกลาง ด้วยความสูงที่ไม่เกิน 0.5 มิลลิเมตร เป็นการผ่าตัดที่ง่ายและใช้เวลาประมาณ 45 นาที โดยไม่ต้องดมยาสลบ และสามารถกลับบ้านได้เลย
การดูแลแผลหลังผ่าตัด

  1. การเสริมคางแบบมีแผลในปาก ต้องใช้น้ำยาบ้วนปากบ่อย ๆ เป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อในช่องปาก
  2. การเสริมคางแบบมีแผลใต้คาง ต้องไม่ให้แผลเปียกน้ำ เป็นเวลา 2-3 วัน
  3. ต้องรับประทานอาหารอ่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ซิลิโคนที่เสริมเคลื่อนผิดตำแหน่ง

การตัดคาง (Chin Reduction), การเลื่อนคาง (Chin Sliding)
          เป็นการผ่าตัดเพื่อปรับรูปร่างของคางให้สวยงามได้สัดส่วนและสมดุล ในกรณีที่คางมีขนาดใหญ่เกินไป จะมีการตัดคางออก หรือในกรณีที่คางยื่นเกินไป ก็จะมีการเลื่อนคางให้ขยับเข้าไป หรือในกรณีที่คางสั้นเกินไป จะมีการเลื่อนคางออกมาให้สมดุล การตัดคางในกรณีนี้ต้องมีฟันที่สบกันดีอยู่แล้ว

วิธีการตัดหรือเลื่อนคาง แบ่งออกเป็น 

1. การตัดคาง (Chin Reduction) 
เป็นการตัดกระดูกคางด้านข้าง เพื่อลดขนาดคางที่มีขนาดใหญ่เกินไป ให้เรียวเล็กลง
2. การตัดคางเพื่อเลื่อนกระดูกคางไปข้างหน้า (Chin forwards Surgery) 
          ในกรณีที่คางสั้นมาก และมีฟันที่สบกันได้ดีอยู่แล้ว ศัลยแพทย์จะคัดกระดูกคางแล้วสไลส์ไปข้างหน้าเพื่อให้ได้ระดับความยื่น และความยาว ของคางสมดุลกับรูปหน้าทั้งหมด แล้ว ยึดกระดูกคางและขากรรไกรล่างด้วย สกรู( Screws) และ เพลส ( Plate)
3. การตัดกระดูกคางเพื่อเลื่อนไปข้างหลัง (Chin backwards surgery)
ในกรณีที่คางยื่นมากเกินไป

การตัดคาง
          ต้องทำภายใต้การดมยาสลบ (General Anesthesia) ใช้ระยะเวลาในการผ่าตัด 2 ชั่วโมง นอนพักที่โรงพยาบาล 1 คืน ระยะเวลาพักฟื้นประมาณ 1 อาทิตย์

อาการแทรกซ้อนหลังผ่าตัด
          อาจมีอาการบวม ช้ำประมาณ 1 สัปดาห์ อาจจะมีอาการชาบริเวณปาก และ คาง อาการชาจะหายไปได้ หลังการผ่าตัดประมาน 3-6 เดือน